ขณะนี้โครงการปิดการอบรม ขอขอบคุณทุกท่าน

         

            การพัฒนาบุคลากรสายสนับสนุนในระบบการศึกษาไทยให้มีความรู้ความสามารถ สร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ และสามารถประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กร ย่อมนำไปสู่การปรับเปลี่ยนระบบการทำงานและการให้บริการให้ดีขึ้น โดยทั่วไปบุคลากรทางการศึกษามีลักษณะการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการให้บริการเป็นหลัก สำหรับนักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ รวมถึงผู้มาติดต่อ เป็นงานบริการด้านธุรการ และการบริการวิชาการทั้งภายในและภายนอก ดังนั้นการพัฒนาคุณภาพของบุคลากรจึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ ในการสังเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นจากงานประจำที่ตนเองปฏิบัติอยู่และพัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมการให้บริการ เพื่อรองรับเทคโนโลยีทางการศึกษาที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน

 ลงทะเบียนเข้าอบรม        แจ้งชำระเงิน

 

                       การพัฒนาศักยภาพในการปฏิบัติงานภายใต้บทบาทของบุคลากรสายสนับสนุนในสถาบันอุดมศึกษา เป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จและสามารถบรรลุภาระกิจของมหาวิทยาลัยได้ ซึ่งการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ สามารถทบทวนองค์รู้ที่มีอยู่เดิมและมีการจัดการองค์ความรู้ที่เหมาะสม รวมทั้งสามารถนำหลักการและความรู้ที่ได้จากการพัฒนาไปใช้ถ่ายทอดให้กับบุคลากรอื่น ให้สามารถปฏิบัติงานนั้นๆ เป็นมาตรฐานเดียวกันและทดแทนกันได้ โดยเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการจัดการองค์ความรู้ของการปฏิบัติงานประจำคือ “คู่มือปฏิบัติงานจากงานประจำ” ซึ่งหากมีคู่มือปฏิบัติงานที่ได้มาตรฐาน ก็จะสามารถปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐานได้เช่นกัน ทั้งนี้สายสนับสนุนในสถาบันอุดมศึกษามีลักษณะงานที่แตกต่างกัน จึงต้องมีเทคนิคการเขียนคู่มือจากงานประจำที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน ทั้งบุคลากรสายสนับสนุนด้านธุรการ (กลุ่มงานเฉพาะ และกลุ่มงานด้านการบริหารงานทั่วไป) และบุคลากรสายสนับสนุนด้านวิชาการ (นักวิทยาศาสตร์ ผู้ปฏิบัติงานด้านวิทยาศาสตร์ และนักวิจัย)

                       เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการทำงานของบุคลากรสนับสนุนในสถาบันอุดมศึกษา ศูนย์วิจัยร่วมภาครัฐและเอกชน คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จึงได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “เทคนิคการเขียนคู่มือปฏิบัติงานจากงานประจำ” เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความสามารถเขียนคู่มือปฏิบัติงานจากงานประจำได้ 

 

 

 ขณะนี้โครงการปิดการอบรม ขอขอบคุณทุกท่าน

         

            ในปัจจุบันอุตสาหกรรมผลิตอาหารหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเวชภัณฑ์ ทั้งที่เป็นอาหารของมนุษย์และไม่ใช่อาหารของมนุษย์ อุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งมีความจำเป็นต้องขอการรับรองมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice), BRC (The British Retail Consortium), AIB (American institute of baking) เป็นต้น และรวมทั้งอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับที่พักอาศัย เช่นโรงแรม หรือรีสอร์ท เป็นต้น มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก เพื่อให้การดำเนินงานของอุตสาหกรรมต่างๆ ให้ได้มาตรฐาน มีความสะอาดและปลอดภัยต่อผู้บริโภคและผู้ที่รับบริการ ผู้ประกอบการจึงต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและมาตรฐานต่างๆ รวมทั้งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดำเนินการป้องกันและกำจัดแมลงและสัตว์พาหะในโรงงานอุตสาหกรรมดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของซากแมลงและสัตว์พาหะในผลิตภัณฑ์ การป้องกันเชื้อโรคลงสู่อาหาร หรือการป้องกันอันตรายที่เกิดจากแมลงและสัตว์พาหะทั้งทางตรงและทางอ้อม เทคนิคการป้องกันและกำจัดแมลงและสัตว์พาหะ รวมถึงการจัดการสถานประกอบการอย่างเหมาะสม จึงเป็นส่วนสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อนำมาประกอบการเลือกวิธีการป้องกันและกำจัดที่มีประสิทธิภาพ โดยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผสมผสานเทคนิคหลายวิธีเข้าด้วยกันแบบบูรณาการ หรือที่เรียกว่าการจัดการแมลงและสัตว์ศัตรูแบบผสมผสาน (Integrated Pest Management: IPM) ซึ่งเป็นกระบวนการวางแผนควบคุม ป้องกัน และกำจัดแมลงและสัตว์พาหะแบบบูรณาการ โดยผสมผสานเทคนิคการจัดการหลายวิธีเข้าด้วยกันอย่างมีหลักการ และมีพื้นฐานอยู่บนความรู้ ความเข้าใจในระบบนิเวศน์ของแมลงและสัตว์พาหะ เพื่อลดจำนวนประชากรแมลงและสัตว์พาหะลง โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด ซึ่งต้องมีการวางแผนการปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน ตลอดจนการติดตามและประเมินผล จึงจะส่งผลให้การป้องกันและกำจัดแมลงและสัตว์พาหะประสบผลสำเร็จ